วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กี่ยวกับการล้างพิษตับและถุงน้ำดี
- การล้างพิษตับและถุงน้ำดีเป็นการรักษาจากต้นตอ
ของการเกิดความผิดปกติในร่างกาย ต้องใช้เวลาเพื่อให้ตับ
ได้ฟื้นตัวในการล้างตับ 1 ครั้ง ตับจะใช้เวลาในการฟื้นตัวนาน
ถึง 6 เดือน
- การฟื้นตัวของร่างกายขึ้นอยู่ที่คุณภาพของตับในขณะที่
ทำการล้างตับ ถ้าตับยังมีคุณภาพดี ร่างกายก็จะฟื้นตัวได้เร็ว
ถ้าตับย่ำแย่ก็ฟื้นตัวลำบาก
- นิ่วเกิดที่ตับ ไม่ใช่เกิดที่ถุงน้ำดี ฉะนั้นการตัดถุงน้ำดีทิ้ง
แทบไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้น แถมเจ็บตัวเปล่าๆ

- ทำการล้างพิษตับได้เดือนละ1 ครั้ง
- วันล้างตับที่ดีที่สุดคือวันแรม15 ค่ำ
- บางท่านนิ่วจะออกหลังล้างพิษตับได้ถึง1-3 วัน
- ในวันล้างพิษตับจากการถ่ายหลังสี่ทุ่มจะมีนิ่วออกมา
แต่ละครั้ง ตั้งแต่ 50 เม็ด ถึง 400 เม็ด
- ขนาดของนิ่วที่ออกมา จะมีขนาดตั้งแต่เท่า เมล็ดงา เมล็ดข้าวสาร
เมล็ดข้าวโพด หัวแม่มือ หัวแม่เท้า จนกระทั่งเท่าลูกมะกรูดเขื่องๆ
-สีของนิ่วที่ออกมาจะมีหลายสี ส่วนใหญ่จะมีสีเขียว และ สีเทา นิ่วที่มีสีเขียวจะเป็นพวก คอลเลสเตอรอล(cholesterol) เวลาถ่ายออก
มาจะลอย นิ่วสีเทาจะเป็นพวกแคลเซียม (calcium) เวลาถ่ายออก
มาจะจม ถ้านิ่วออกมาเป็นสีดำ ดำเหมือนถ่าน ถือว่าตับเป็นมะเร็งแล้ว
- ในตับสามารถเกิดนิ่วได้มากกว่า20,000 เม็ด
- นิ่วจะออกมากที่สุด ในช่วงการล้างพิษตับ ครั้งที่ 6 -7
- จะรู้ได้อย่างไรว่าได้ล้างนิ่วในตับและถุงน้ำดีออกหมดแล้ว(ล้างพิษตับ2 ครั้งหลังแล้วไม่มีนิ่วออกมา ถือว่าหมด)
- คนเอเชียล้าง12-15 ครั้ง คนยุโรป ล้าง 18-24 ครั้ง ถึงจะหมด
- เมื่อนิ่วออกหมดแล้วให้ล้างพิษตับ ปีละ 2 ครั้ง สุขภาพก็จะดีตลอดไป วันดีของการล้างพิษตับปีละ 2 ครั้ง คือช่วงเปลี่ยนฤดูใหม่
- ผู้เชี่ยวชาญในการล้างตับบอกว่า ต้องมีนิ่วออกมาขนาดเท่าลูกมะกรูดเขื่องๆ หรือเท่าลูกกอล์ฟ จึงจะถือว่านิ่วได้ออกจากตับหมดแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น